นัวกันยับ ! ไทยลีก 3 ดุเดือดเลือดพล่านตะลุมบอนนอกสนาม(มีคลิป)

นัวกันยับ ! ไทยลีก 3 ถึงใจถึงอารมณ์รบนอกสนาม(มีคลิป) นัวกันยับ ! ไทยลีก 3 ดุเดือดเลือดพล่านตะลุมบอนนอกสนาม(มีคลิป) นัวกันยับ ! ไทยลีก 3 ถึงใจถึงอารมณ์รบนอกสนาม โดยมีคู่รักบอลพัทยาดอลฟินส์ถูกรุมทำร้ายเจ็บรุนแรงหลายราย เปิดเผยมีคนถูกตีด้วยไม้ท่อนใหญ่สลบ 1 แขนหัก 1 คางแตกอีก 1 เชื่อบางทีอาจเป็นบุคคลภายนอกที่เข้ามาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดเหตุการณ์อลเวงขึ้น ชี้มีคลิปชายชุดสีดำมีอาวุธครบมือ ช่วงเวลาที่ตำรวจสภ.เมืองฉะเชิงเทรา รีบซักถามเหตุทั้งผองเพื่อหาผู้ทำผิดให้ได้

    เปลี่ยนเป็นข้อความสำคัญดราม่าอันเร่าร้อนบนโลกอินเตอร์เน็ต จากกรณีข้างหลังเกมบอลไทยลีก 3 โซนทิศตะวันออก ช่วงวันที่ 23 มกราคมก่อนหน้าที่ผ่านมา ระหว่าง ฉะเชิงเทรา ไฮ-เทคเอฟซี เปิด บ้านเจอกับ พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด ซึ่งจบเกมข้างเจ้าถิ่นเอาชนะ 1-0 โดยระหว่างเกมเวลาที่เกมการแข่งขันชิงชัยยังไม่จบมีแถลงการณ์ว่า แฟนบอลพัทยาดอลฟินส์ถูกกรุ๊ปบุคคลที่นั่งรับประทาน สุราด้านหลังรถยนต์หน่วยราชการในพื้นที่ รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงรวมทั้งเจ็บหลายราย ข้าราชการช่วยเหลือจำเป็นต้องรีบไปตรวจทานและก็ช่วยเหลือ นำเพศผู้เจ็บส่งโรงหมอ

    ช่วงเวลาเดียวกันเฟซบุ๊ก Pattaya Dangerous Family บอกว่า "จุดชนวนเป็นแฟนบอลอีกทั้งฝั่งบลัฟกันไปบลัฟกันมาเพียงแค่ในเกมส์ ถ้าหากเรื่องจบเพียงแค่ที่ตรงนั้นคงจะไม่มีการเจ็บตัวกันขนาดนี้ แต่ว่าพวกที่มาลอบตีเราเป็นช่างรดน้ำของเทศบาลซึ่งมิได้ซื้อตั๋วเข้าชมเกมนี้ด้วย 5-6 คน พร้อมไม้ท่อนใหญ่ 3 ท่อน การดูแลรักษาความปลอดภัยห่วยที่ปลดปล่อยให้คนภายนอกเข้ามาทำ ร้ายแฟนบอลกลุ่มเยี่ยม ทางพวกเราจะเอาการคนที่ไม่ประสงค์ดีให้ถึงที่สุดส่วนแฟนบอลฉะเชิงเทรานับว่าพวกท่านกับพวกเรามีแผลต่อกันแล้วนะไว้เจอะกันเมื่อได้โอกาส"

    ปัจจุบัน อานนท์ แสงสว่างสังข์ แฟนบอลพัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด ที่ได้รับบาดเจ็บคางแตก ได้เผยผ่านสื่อว่า "เรื่องราวที่เกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่ตอนช่วงหลัง ที่เริ่มมีการยุกัน จาก นั้นนาทีที่ 80 นักฟุตบอลฝั่งพัทยาโดนใบแดง ก็เริ่มมีการโต้วาทีกันร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกองเชียร์ฝั่งตน 1-2 คนท้ากองเชียร์อีกข้างให้ลงไปพบกันด้านล่าง ก็เลยเห็นว่าคือเรื่องธรรดา แล้วก็ยังมิได้ร้ายแรงก็เลยมิได้ห้าม จนถึงรุ่นน้องซึ่งเป็นกองเชียร์ฝั่งตนเดินลงไปจากอรรธจันทร์ ก็เลยเดินตามลงไปเพื่อจะเรียกกลับมา"

     "แต่ทว่าเมื่อลงไปถึงพบว่ารุ่นน้องถูกตีจนถึงสลบ 1 คน อีกคนแขนหัก ส่วนคนก่อเหตุเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งกันอยู่รอบๆรถยนต์น้ำของทางเทศบาล ข้างหลังก่อเหตุวิ่งหนีไป ก่อนที่จะกองเชียร์ฝั่ง ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่บนอรรธจันทร์จะเดินลงมาพร้อมการ์ด และก็ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จังหวะนั้นก็มีเหตุโกลาหล และก็มีการขว้างหินใส่ตนจนกระทั่งคางแตก ส่วนตัวผมคิดว่าคนที่ก่อเหตุใช้ไม้ตี รุ่นน้องของผม เป็นคนละกรุ๊ปกับกองเชียร์ข้างฉะเชิงเทรา และไม่ได้มีปัญหากันมาก่อน ผมก็เลยอยากที่จะให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เรียกตัวมาให้ได้ เนื่องจากว่ามีความรู้สึกว่าเป็นคนภายในพื้นที่แน่ๆ  ชมรมจะต้องรับทราบว่าคนก่อเหตุเป็นคนใดกัน และก็ผมการันตีว่าจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่สนาม เนื่องจากว่าอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 10 เมตรแค่นั้นนะครับ" 

    ด้าน วีระมือ สว่างอารมณ์ แฟนบอลฉะเชิงเทราไฮ-เทคเอฟซี ที่อยู่ในสถานะการณ์ เผยกับสื่อเหมือนกันว่า "แฟนบอลทั้งยัง 2 กลุ่ม มีการวิงวอนกันไปๆมาๆตามประสากองเชียร์ที่ถูกจัดแยกเชียร์คนละฝั่ง รวมทั้งมีรั้วกันอย่างแจ่มแจ้ง โดยเกมในสนามจะต้องหยุดเมื่อมีคู่รักบอลของกลุ่มเยี่ยมป่ายปีนรั้วออกมาจากที่นั่ง เพื่อผ่านสนามจะหาเรื่องเจ้าของบ้าน จังหวะนั้นเราก็เลยย้ายจากที่นั่งกึ่งกลางประตู วิ่งมายังด้านข้างอรรธจันทร์ แต่ว่าในตอนนั้นแฟนบอลฉะเชิงเทรายังไม่มีผู้ใดลงไปจากอรรธจันทร์"

    "มีการตีกันเกิดขึ้นโดยเป็นชายชุดสีดำตีคุ้นเคย ที่มองไม่มีแฟนบอลแปดริ้ว เหตุเพราะแฟนบอลที่เข้ามาเชียร์จะสวมเสื้อสีแดง ซึ่งสีประจำสมาคม ด้วยเหตุดังกล่าวบางทีอาจจะเป็นบุคคลภายนอกก็เป็นไปได้ที่เข้ามาเพื่อสร้างสถานการณ์ว่าแฟนบอลแปดริ้วเป็นคนทำ โดยคลิปที่เผยแพร่ จะมองเห็นได้ว่าแฟนบอลพัทยาวิ่งถือไม้เข้ามาหา ซึ่งภายหลังจากตีกันเสร็จ ผมรวมทั้งแฟนบอลอีก 3-4 คน ได้ลงไปห้าม และก็มีคุณลุงคนหนึ่งพนมมือ เพื่อแยกออกมาจากกัน ในคลิปผมรับรองว่าพวกเรามิได้ไปพบเรื่องเขา พวกเราไปเพื่อห้าม"

    ส่วน พันตำรวจตรีธงเมืองฐ์ เขียวสนาม พนักงานที่มีหน้าที่สอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พูดว่า "สำหรับประเด็นนี้แม่ของคนที่ได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางมาลงบันทึกทุกวันไว้ตั้งแต่คืนวันที่ 23 เดือนมกราคม65 ก่อนหน้าที่ผ่านมา และก็ต้องการนำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกลับไปรักษาที่จ.ชลบุรีในช่วงเวลานี้ยังมิได้ทำสืบสวนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะว่าจึงควรคอยให้อาการดียิ่งขึ้น แล้วก็นัดเพื่อสอบปากคำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ส่วนผู้ทำผิดอยู่ในกรรมวิธีการสอบสวน ซึ่งช่วงนี้ยังไม่สามารถที่จะเผยได้"