ศาลพิพากษาคดีจ้างผู้ตัดสินล้มบอลไทยลีก2

ศาลพิพากษ์คดีว่าจ้างผู้ตัดสินล้มบอลไทยลีก2 ศาลพิพากษาคดีจ้างผู้ตัดสินล้มบอลไทยลีก2 ศาลตัดสินคดีติดตะราง1 ปี ปรับ 2 แสน คอยลงทัณฑ์ 2 ปี คุมปฏิบัติตนรวมทั้งให้บำเพ็ญผลดีคดีว่าจ้างผู้ตัดสินล้มบอลไทยลีก 2 สังเวยพรบ.สนับสนุนกีฬาอาชีพ

    ตอนวันที่ 19 เดือนมกราคม  2565 ที่ห้องตรึกตรอง 905 ศาลอาญา รัชดาภิเษก เวลา 09.00 น.ศาลได้นัดหมายอ่านคำตัดสิน คดีว่าจ้างคณะกรรมการตัดสินไม่เสมอภาค คดีดำ อำเภอ1105/2562 ที่ บุคลากรอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง เชลยที่ 1นายณัฐแขน ฉิมพาลี, เชลยที่ 2นายเทอดอำนาจ ทองคำกล่ำ ,เชลยที่ 3 กระบี่ตำรวจ หรือนายโคตรพันธ์ ตระกูลสุบรรณ ด้วยกันกระทำความผิดตาม พ.ร บริษัท เกื้อหนุนกีฬาอาชีพฯ

    คดีดังกล่าวมาแล้วข้างต้น อัยการโจทก์ กำหนด ฟ้องความประพฤติความผิดพลาดสรุปว่า ตอนวันที่ 20 เม.ย. 2561 เชลยที่ 1 และก็ที่ 3 ได้ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะมอบเงินหรือเงินทองหรือผลดีอื่นใดแก่นายสุระศักดา หัสจรรย์ เชลยที่ 2 ซึ่งจะปฏิบัติหน้าที่วินิจฉัยการประลองกีฬาบอลอาชีพ รายการไทยลีก 2 คู่ระหว่าง กลุ่มชมรมบอลจังหวัดสมุทรสาคร เอฟซี กับ กลุ่มสมาพันธ์บอลจังหวัดระยอง เอฟซี ซึ่งจะชิงชัยในวันที่ 21 เม.ย. 2561 เวลาราว 19.00 น. ที่สนามกีฬากึ่งกลางจังหวัดสมุทรสาคร โดยจะมอบเงินปริมาณเท่าไร ไม่ปรากฏชัดเจน เพื่อดึงดูดใจ นายสุระศักดา ให้ปฏิบัติหน้าที่วินิจฉัยอย่างผิดจะต้อง ยุติธรรม โดยให้นายสุระอำนาจ เข้าข้างหรือช่วยเหลือให้กลุ่มสมาคมบอลจังหวัดสมุทรสาคร เอฟซี ชนะ กลุ่มสมาคมบอลจังหวัดระยอง เอฟซี อันเป็นการละเมิดต่อข้อบังคับ

    ความประพฤติปฏิบัติของเชลยที่ 1-3 ซึ่งเป็นผู้ใช้ให้เชลยที่ 2  ทำไม่ดี ก็เลยจำต้องต้องโทษเปรียบเสมือนเป็นตัวการเหมือนกันกับเชลยที่ 2 ผู้ถูกใช้สำหรับในการกระทำผิด เหตุกำเนิดที่ ตำบลท้องนาป่า และก็ ต.คทดลองตำหรุ อำเภอเมืองจังหวัดชลบุรี จังหวัดชลบุรี ขอให้ลงทัณฑ์เชลยตาม พระราชบัญญัติ ช่วยเหลือกีฬาอาชีพ พุทธศักราช 2556 มาตรา 66 แล้วก็ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84, 91 ด้วย เชลยทั้งยังสาม ให้การสารภาพ รวมทั้งได้รับการประกันตัว

    ศาลมีคำบัญชาให้บุคลากรคุมกระทำ สืบหา เรื่องราว การเรียนรู้ ความเป็นมาครอบครัว และก็อื่นๆของเชลยอีกทั้งสาม แล้วส่งให้ศาลใช้ประกอบกิจการพินิจเพื่อมีคำตัดสิน

    ศาลตรึกตรองแล้ว มีความคิดเห็นว่า เชลยทั้งยังสามกระทำผิดตามฟ้องจริง ตัดสินคดีว่า เชลยที่ 1 รวมทั้งที่ 2 มีความผิดตาม พระราชบัญญัติ ผลักดันกีฬาอาชีพ พุทธศักราช 2556 มาตรา 66 ส่วนเชลยที่ 3 มีความผิดตาม พระราชบัญญัติช่วยเหลือกีฬาอาชีพ พุทธศักราช 2556 มาตรา 66 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ติดตะรางเชลยอีกทั้งสาม คนละ 1 ปี และก็ปรับคนละ 200,000 บาท เชลยทั้งยังสาม ให้การสารภาพ มีประโยชน์แก่การไตร่ตรอง มีเหตุทุเลาโทษ ลดโทษให้ครึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 อาจจะติดคุกเชลยไว้คนละ 6 เดือน ปรับคนละ 100,000 บาท

    พินิจพิเคราะห์การกระทำที่คดีประกอบรายงานการเสาะหา แล้วก็พิเคราะห์เชลยอีกทั้งสามแล้ว นิสัยและก็ความประพฤติปฏิบัติโดยปกติของเชลยทั้งยังสามไม่ปรากฏความเสียหายรุนแรง เมื่อไม่ปรากฏว่าเชลยอีกทั้งสามได้รับโทษจำตารางมาก่อน เห็นควรมอบโอกาสเชลยทั้งยังสาม กลับตัวกลับใจเป็นพสกนิกรดีสักหนึ่งครั้ง โทษจำเรือนจำให้รอคอยการลงอาญาไว้มีระบุ 2  ปี ให้คุมความประพฤติปฏิบัติเชลยอีกทั้งสาม โดยให้ไปรายงานตัวต่อบุคลากรคุมปฏิบัติทุก 3 เดือนต่อครั้ง ข้างในระบุ 1 ปี รวมทั้งให้ทำกิจกรรมบริการสังคม หรือสาธารณประโยชน์ดังที่บุคลากรคุมปฏิบัติตัวเห็นควร ตรงเวลา 1 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดแจงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30