6 ข้อความสำคัญร้อนก่อนเกม พรีเมียร์ลีก นัดหมายที่ 16 
ไปสู่ตอนธันวาคม เกมที่พรีเมียร์ลีก มีหลายเกมให้ติดตาม โดยสุดสัปดาห์นี้เป็นแมตช์เดย์ที่ 16 แล้ว โดยแต่ละคู่จะมีหลักสำคัญอะไรน่าดึงดูดบ้างไปดูกันได้เลย
"แมนฯ ซิตี้-วูล์ฟส์"
ราฮีม สเตอร์ลิง ทำคะแนนในศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 99 ลูก(18 ประตูกับ หงส์แดง, 81 ประตูกับ แมนฯ ซิตี้) ซึ่งแม้เจ้าตัวมีสกอร์เม็ดถัดไปจะมีผลให้เขาเป็นผู้เล่นผู้ที่ 32 ที่ทำเป็นหลักร้อยลูก และก็ถ้ามันเกิดขึ้นในเกมนี้ สเตอร์ลิง ก็จะเป็นลำแข้งผู้ที่ 8 ที่ทำเป็นตอนอายุ 27 ปีกับอีก 3 วัน
ท่ามกลางการพบกันของสองกลุ่มที่เจอะกันขั้นต่ำ 60 ครั้งบนลีก อังกฤษ ตั้งแต่แมื่อจัดตั้งเมื่อปี 1888 คู่ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ วูล์ฟส์ เป็นเกมที่มีค่าเฉลี่ยประตูเกิดขึ้นต่อเกมสูงสุดที่ 3.83 ลูก (437 ประตูจาก 114 นัดหมาย)
เมื่อไม่นับลูกจุดลูกโทษ วูล์ฟส์ เป็นกลุ่มเดียวใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ที่ยังไม่สามารถที่จะทำแต้มได้จากลูกเซตพีซ โดยพวกเขาได้โอกาสเข้าทำมาจากลูกรูปแบบนี้ถึง 39 ครั้ง ตรงกันข้ามกับฤดูก่อนที่จะมีเพียงแค่ ลีดส์ ยูไนเต็ด เพียงแค่นั้น(15) ที่ทำคะแนนได้จากลูกนิ่งมากยิ่งกว่า วูล์ฟส์ (14)
กางร์ท้องนาร์โด้ สิลวา จอมบุกฟอร์มฮอตของ "เรือใบสีฟ้า" ทำไปแล้ว 6 ประตูในลีกจาก 8 เกมหลังสุด ซึ่งมากยิ่งกว่าที่ผ่านมา 61 เกมที่เขาทำเป็นเสียอีก
"อาร์เซน่อล-เซาธ์หมูแฮมป์ตัน"
เซาธ์หมูแฮมป์ตัน แพ้ที่บ้านของ อาร์เซน่อล ในเกม พรีเมียร์ลีก มาแล้วถึง 22 นัดหมาย (เสมอ 7 แพ้ 15) ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดที่กลุ่มกลุ่มหนึ่งแพ้ที่บ้านของอีกข้าง
ช่วงเวลาเดียวกัน "เดอะ กันเนอร์ส" ชนะเกมลีกในบ้านตนเองมาแล้ว 3 นัดหมายติด โดยคราวสุดท้ายซึ่งสามารถชนะ 4 เกมติดได้เกิดขึ้นตอนตอนระหว่างก.ค.-เดือนตุลาคม ปี 2020 ยิ่งไปกว่านี้ อาร์เซน่อล ชนะแบบไม่เสียประตูในบ้านมา 2 เกม ซึ่งครั้งปัจจุบันที่ชนะได้ 3 เกมติดแถมเก็บคลีนชีตได้ทั้งปวงนั้น จำต้องย้อนไปเมื่อตุลาคม ปี 2017
ในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุด อังกฤษ มีเพียงแค่การพบกับ ฟูเฉือนม ( 27 ตั้งแต่แมื่อปี 1949) รวมทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (27 ระหว่างปี 1976-2012) เพียงแค่นั้นที่ อาร์เซน่อล ไม่แพ้เป็นเวลานานกว่าการพบกับ เซาธ์หมูแฮมป์ตัน (26 นัดหมาย)
กลับมาที่ฝั่ง "นักบุญ" พวกเขาแพ้เกมลีกนอกบ้านบนปฏิทินปี 2021 ไปแล้ว 14 นัดหมาย ซึ่งเป็นสถิติมากมายสุดนับจากที่เคยแพ้ในปีเดียว 15 เกมเมื่อปี 2004
"เชลซี-ลีดส์"
หากแม้ เชลซี จะเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในบ้านตนเองมาแล้ว 4 เกมติด แต่ว่าพวกเขาก็ไม่เคยชนะ "ยูงทองคำ" ในลีก 5 เกมติดที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้เลยสักหนึ่งครั้ง
ลีดส์ บุกเอาชนะกลุ่มในกรุง ลอนดอน ได้เพียงแค่ 2 นัดหมายจาก 32 เกมทุกรายการ (เสมอ 7 แพ้ 23) แล้วก็ปราชัยกลุ่มจากเมืองหลวงมา 2 เกมจาก 3 เกมข้างหลังที่พวกเขาออกนำได้ก่อน ซึ่งเป็นเกมที่พบกับ "สิงห์บลูส์" เมื่อธ.ค. ปีกลาย แล้วก็ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อพฤศจิกายน (อีกหนึ่งนัดหมายชนะ ฟูปาดม 2-1)
อีกทั้ง เชลซี รวมทั้ง ลีดส์ ต่างทำแต้มได้เสมอกันในตอนนาทีที่ 90 (3 ลูก) โดยสกอร์ของ "สิงห์บลูส์" อีกทั้ง 3 ลูกนั้นเป็นประตูซ้ำเติมชัย ส่วน "ยูงทองคำ" 1 ลูกเป็นประตูชัย และก็อีก 2 เป็นการทำแต้มตีเสมอแบ่งแต้ม
ราฟินญ่า แนวรุกชนิดแซมบ้าของ ลีดส์ ทำคะแนนไป 6 จากประตูที่สังกัดเดิมทำเป็นในลีก 15 ประตูในฤดูกาลนี้ โดยไม่มีผู้เล่นในกลุ่มคนอื่นทำแต้มได้สองลูกในเกมเดียว รวมทั้ง 6 ประตูของ ราฟินญ่า นั้นผันแปรเป็นคะแนนได้ถึง 7 แต้ม ซึ่งมีเพียงแค่ เจมี่ วาร์ดี้ ผู้เดียวที่ประตูแต่ละลูกมีค่ามากยิ่งกว่า (8 แต้ม)
"หงส์แดง-แอสตัน วิลล่า"
นี่เป็นเกมแรกในฐานะผู้จัดการทีมฟุตบอลที่ สตีเว่น พบร์ราร์ด เจอหน้ากับ หงส์แดง ซึ่งเป็นชมรมที่เขาเคยรับใช้ 710 นัดหมายทุกรายการ(สถิติมากมายสุดชั้น 3 ของสมาพันธ์) และก็ถ้าหากนับที่อดีตกาลผู้เล่น "ลิเวอร์พูล" กลับมาคุมกลุ่มพบกลุ่มเก่าที่ แอนฟิลด์ นั้น พวกเขากลับออกไปด้วยความปราชัย 14 จาก 16 เกม(ชนะ 1 เสมอ 1) มีเพียงแค่ เควิน คีแกน เพียงแค่นั้นที่เคยพา แมนฯ ซิตี้ บุกมาชนะตรงนี้ได้เมื่อพ.ค. ปี 2003
2 เกมหลังสุดที่ หงส์แดง เล่นในบ้านตนเองนั้น พวกเขาคว้าชัยเหนือแขกด้วยสกอร์ 4-0 ทั้งคู่เกม(อาร์เซน่อล, เซาธ์หมูแฮมป์ตัน) อย่างไรก็แล้วแต่ "ลิเวอร์พูล" แพ้คู่ปรับในบ้านด้วยระยะห่าง 4 ประตู 3 นัดหมายติดได้เลยนับจากก.ย./ต.ค. ปี 1987 ซึ่งตอนนั้นเอาชนะ ดาร์บี้ เคาน์ตี้, เพียงพอร์ทสมัธ แล้วก็ ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีส่วนร่วมกับประตูไม่ว่าจะยิงเองหรือแอสซิสต์ให้เพื่อนพ้องในเกมลีกมาแล้ว 13 ครั้งต่อๆกัน โดยปัจจุบันมอบพานให้ ดิว็อค โอริกี้ ซัดประตูชัยเหนือ วูล์ฟส์ ได้ ซึ่งสถิตินี้เป็นชั้น 2 นานที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก โดยลำดับต้นๆเป็น เจมี่ วาร์ดี้ ที่มีส่วนกับประตูติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 15 เกม(เกิดขึ้นเมื่อส.ค.-ธ.ค. ปี 2015)
การพบกันของคู่นี้บนเวที พรีเมียร์ลีก มีถึง 20 นัดหมายที่ความมีชัยเป็นของฝั่งกลุ่มเยี่ยม ซึ่งมีเพียงแค่การพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (21) เพียงแค่นั้นที่กลุ่มผู้มาเยือนคว้าชัยเหนือเจ้าถิ่นได้มากกว่า
"นอริช-แมนฯ ยูไนเต็ด"
ดีน สมิธ ผู้จัดการทีมฟุตบอล นอริช เคยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้แล้วในฤดูกาลนี้ในเวลาที่ยังเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล แอสตัน วิลล่า (1-0) เมื่อก.ย. รวมทั้งถ้าทำเป็นอีกรอบจะก่อให้เขาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลคนแรกต่อจาก แอนดี้ เอทเก้น เมื่อฤดู 1908/09 ซึ่งสามารถเอาชนะ "ภูติผีปีศาจแดง" ได้ 2 นัดหมายจาก 2 กลุ่มที่แตกต่างกันได้ในเกมลีกสูงสุดฤดูเดียว โดย เอทเก้น ทำเป็น 5-0 กับ มิดเดิ้ลสโบรส์ และก็ 3-2 กับ เลสเตอร์ สิตี้
"นกขมิ้นเหลืองอ่อน" เก็บคลีนชีตที่บ้านตนเองในลีกได้ 2 จาก 4 เกมหลังสุด เสมอกันกับก่อนหน้าที่ผ่านมาที่จำเป็นต้องใช้ปริมาณเกมสูงถึง 26 นัดหมาย
มาร์คัส แรชฟอร์ด แนวรุก "ปีศาจร้ายแดง" มีส่วนร่วมกับประตู 4 ครั้งจาก 2 เกมที่พบกับ นอริช (3 ประตู 1 แอสซิสต์) โดยมีค่าเฉลี่ยมีส่วนร่วมทุกๆ37 นาที
นี่เป็นเกมเยี่ยมครั้งแรกของ ราล์ฟ รังนิก ในฐานะผู้จัดการทีมฟุตบอล แมนฯ ยูไนเต็ด โดยก่อนหน้าที่ผ่านมา ไม่มีผู้จัดการทีมฟุตบอลแบบเต็มกำลัง ยูไนเต็ด คนไหนกันที่ทำทีมแพ้เกมเยี่ยมสำหรับเพื่อการลงคุมนอกบ้านครั้งแรก (ชนะ 3 เสมอ 1) โดยคนในที่สุดที่แพ้เป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่บุกแพ้ อ๊อกซ์ฟอร์ด 0-2 เมื่อพ.ย. ปี 1986
"เลสเตอร์-นิวติดอยู่สเซิ่ล"
นิวติดอยู่สเซิ่ล ยูไนเต็ด บุกเอาชนะ เลสเตอร์ สิตี้ ได้ถึง 3 นัดหมายจาก 4 เกมที่ออกเยี่ยม "เดอะ ฟ็อกซ์ " หลังสุด (แพ้ 1) เท่ากันกับก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาที่ไม่ว่าจะบุก ฟิลเบิร์ต สตรีท หรือ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ที่จำต้องใช้เวลาถึง 17 เกม(เสมอ 7 แพ้7)
ตั้งแต่แมื่อกลับมาเล่น พรีเมียร์ลีก อีกทีเมื่อปี 2014 นิวติดอยู่สเซิ่ล เป็นกลุ่มที่ เลสเตอร์ เอาชนะได้มากที่สุด โดยการทำได้ 8 ครั้ง
เจมี่ วาร์ดี้ แนวรุกรุ่นลายครามของ "สุนัขจิ้งจอกสีน้ำเงิน" มีส่วนร่วมกับประตู 25 จาก 18 เกมลีกหลังสุดที่ประจันหน้ากับกลุ่มที่อยู่ในโซนตกชั้น (18 ประตู 7 แอสซิสต์)
เลสเตอร์ เป็นกลุ่มที่ทำแต้มได้จากลูกโหม่งสูงที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ (7 ประตู) ในขณะที่มีเพียงแค่ เบิร์นลี่ย์ กับ เชลซี (6) แค่นั้นที่ทำคะแนนได้จากลูกในอากาศมากยิ่งกว่า นิวค้างสเซิ่ล (5)