นักฟุตบอลคนแรกที่กลายเป็นข่าวสารเปลี่ยนสัญชาติเล่นให้ไทย แวดวงบอลไทยในครั้งอดีตกาลก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เมื่อ 47 ปีที่ผ่านมากำเนิดกระแสข่าวฮือฮา! เมื่อมีข่าวสารว่ากลุ่มชาติไทยจะกระทำการเปลี่ยนสัญชาตินักฟุตบอลชาวเขมรมาเล่นให้กับกลุ่มชาติไทย โดยช่วงวันที่ 21 ไม่.ย.2517 หนังสือพิมพ์ไทยเมือง พาดหัวเรื่อง ดึง “เพ็ญพัธ”เข้าท่าเข้าทางมชาติไทย เป็นพลังไปแข่งฟุตบอลเมอร์เดก้า สร้างความรื่นเริงให้กับแวดวงบอลไทยอย่างใหญ่โต แม้สามารถผ่านขั้นตอนทุกๆอย่างได้จะเป็นลำแข้งกลุ่มชาติไทยคนแรกที่เปลี่ยนสัญชาติ
เพ็ญพัธ ดงษ์สรวงสวรรค์ ที่มีชื่อเสียงไทย "พิพรรธน์" หลบภัยการสู้รบมายังเมืองไทย พร้อมทั้งลงเล่นบอลให้กับชมรมบอลราชประชากร ในปี คริสต์ศักราช1972 หรือ พุทธศักราช2515 กับสหายร่วมกลุ่ม เซียง ติดอยู่รา ด้วยฟอร์มการเล่นขอบเส้นที่เก่งฉกาจฉกรรจ์เลี้ยงหลบแนวรับคู่ปรปักษ์ขาดเป็นกระดาษในทุกๆเกม จนกระทั่งก้าวไปติดกลุ่มศิลปินทวีปเอเชียปี 1972 ทั้งยังตอนพุทธศักราช 2515-18 ยังพา ราชประชากร ครองแชมป์ถ้วยพระราชทาน ก 2 ยุค ซ้อน แชมป์ถ้วยพระราชทาน ควีนส์คัพ แล้วก็เอฟเอ คัพ
ซึ่ง สัมมนา รัตนบากบั่น ประธานเคล็ดวิธีแวดวงบอลไทย เวลานั้น ให้สัมภาษณ์ว่า มีการเสนอให้เปลี่ยนสัญชาติให้กับ เพ็ญพัธ ดงษ์สรวงสวรรค์ ลงเล่นให้กับกลุ่มชาติไทยในรายการเมอร์เดก้า ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะก่อให้ตัวเติมเกมรุกจากฝั่งซ้ายแล้วก็ตัวเติมเกมรุกจากฝั่งขวาของกลุ่มชาติไทยเป็นระดับต้นๆของทวีปเอเชีย ที่มีอีกทั้ง นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ รวมทั้ง เพ็ญพัธ ดงษ์สรวงสวรรค์ ซึ่งหน้าแข้งเขมรได้เปิดใจกับบอลไทยทุกเดือนว่า ตอนปี 1972-73 กลุ่มชาติเขมรหรือเขมรเวลานี้มิได้เรียกผมไปติดกลุ่มชาติรวมทั้งรู้สึกว่าเขาไม่เอาผมแล้ว กลุ่มชาติเขมรไปชิงชัยรายการต่างๆโดยไม่มีผม แน่ๆว่าการมาดำเนินชีวิตที่ประเทศไทยผมเป็นสุขมากมายทุกคนบำรุงรักษาผมอย่างดีเยี่ยม การเปลี่ยนสัญชาติมาเล่นกลุ่มชาติไทยก็เลยทำให้ผมกระหยิ่มใจด้วยเหตุว่าตรงนี้ก็เสมือนบ้านของผมอีกข้างหลัง แต่ว่าในที่สุดเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนสัญชาติไม่เกิดขึ้นเพราะเหตุว่าเรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้วได้หายเงียบไปในเวลาถัดมา
ภายหลังไม่สามารถที่จะเปลี่ยนสัญชาติเล่นกลุ่มชาติไทยได้ มีแมวมองหลายทีมที่พึงพอใจจะคว้าตัวนักฟุตบอลอย่าง เพ็ญพัธ ดงษ์สรวงสวรรค์ ไปร่วมกลุ่ม อีกทั้ง โบรุสเซีย ดุร์ทแซค , ไมน์ 05 (เยอรมัน) ทั้งยังมีกลุ่มจากประเทศฝรั่งเศสรวมทั้งประเทศอิหร่านสนใจ ในที่สุดทางบอลอาชีพของนักฟุตบอลสมญานาม "เจ้างูเก็งกอง" ได้พาตนเองไปสู่ยุโรปด้วยการลงเล่นให้กับ สมาคมบอลโกนูป อองเตอร์ เดอ กิเยต์ กลุ่มระดับลีกดิวิชั่น 4 ของประเทศฝรั่งเศส ตอนปี 2520 ในที่สุดพาทีมได้แชมป์พาทีมเลื่อนชั้น ด้วยฟอร์มการเล่นที่รุนแรงแม้ว่าจะไปสู่วัย 30ปี ความมากมายหลายในเกมรุกทั้งยังการลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ แล้วก็ ขอบเส้น สวมยูนิฟอร์มเลขลำดับ 10 สื่อเขตแดนตีข่าวสารเรื่องราวของ เพ็ญพัธ ดงษ์สรวงสวรรค์ อย่างมาก ทำให้ชมรมใหญ่อย่าง มงต์เปลลิเยร์ ติดต่อให้ไปทดลองฝีเท้า
"ทีแรกๆที่มองดูต์เปลลิเยร์ ติดต่อมาผมมิได้ไป จนถึงครั้งลำดับที่สองที่เขาติดต่อมาผมก็เริ่มเดินทางไปที่ชมรมอยู่ตรงนั้น 2 อาทิตย์ ลงเล่นเกมที่สมาพันธ์จัดให้ เหลือการแข่งอีกสองแมตซ์ที่จะจะต้องเล่นผมตกลงใจออกมาก่อน ในขณะที่ตกลงเรื่องค่าตอบแทนรายเดือนกันแล้วที่ 3,500 ฟรังซ์(ราว20,300 บาท) พร้อมที่พัก แม้กระนั้นเพียงพอมีผู้แนะนำว่าให้ไปสมาคมที่ใหญ่มากยิ่งกว่าเวลานั้นในเมืองหลวงอย่าง กรุงปารีส เอฟซี ผมทิ้งจังหวะตรงนั้นพร้อมด้วยไปต่อสู้ในกลุ่ม กรุงปารีส เอฟซี เนื่องจากว่าการตัดสินใจของตนยอมทิ้งเงิน 3,500 ฟรังซ์ ไปรับเงิน 2,000 ฟรังซ์ (ราวๆ 11,600 บาท) แทน แม้กระนั้นก็ไม่อาจจะยึดพื้นที่ในกลุ่มชุดใหญ่ได้เนื่องจากว่าการปฏิเสธชาวเอเชียด้านในกลุ่มก็เลยถูกส่งไปเล่นกลุ่มสำรองในเวลาถัดมา ยุคเก่าการตัดสินใจทั้งหมดทุกอย่างจะขึ้นกับตัวเราเองทั้งผองไม่มีผู้จัดการส่วนตัว"
ปัจจุบันนี้ เพ็ญพัธ ดงษ์สรวงสวรรค์ ดำเนินชีวิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นปีที่ 44 อยู่มาตั้งแต่ปี 2520 สมรสกับเมียชาวเขมรมีที่พักในเมือง นีราบัง นอกเมืองกรุงปารีส ใกล้ๆกับท่าอากาศยาน มีลูกชายชื่อ สเตฟาน เคยก้าวขึ้นไปติดกลุ่มชาติเขมร ทั้งยังเคยมาร่วมทีมโด่งดังของไทยอย่าง บีอีซี เทโรฯ ช่วงชีวิตที่เคยผ่านมรสุมเยอะแยะไม่ว่าต้องออกมาจากประเทศเขมรมาและไม่ได้เข้าประเทศถึง 11 ปี( 1972-1983) "เจ้างูเก็งกอง" ถือมั่นถือมั่นในความถูกต้องแน่ใจ ซึ่งมุมมองตำนานกลุ่มชาติเขมรรายนี้ถือว่าพอใจมากมายสำหรับเพื่อการดำรงชีพ "ผมเป็นผู้ที่บ้าบอลมาตั้งแต่เด็กรวมทั้งรู้สึกว่าควรจะมีระเบียบฝึกหัดกับมันให้หนัก ในสนามพวกเราสามารถพาบอลหนีผู้เล่นกลุ่มอื่น 3-4 คนได้ มันเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการฝึกหัดที่ตั้งจิตใจของพวกเรา
ผมไม่เคยเกกมะเหรกเกเรใครกันแน่เล่นบอลอย่างเต็มเปี่ยมบางเวลาก็จะโดนเตะบ้างอะไรบ้าง แต่ว่ามีความรู้สึกว่าพวกเรายังไม่เก่งเพียงพอจำเป็นต้องกลับไปฝึกหัดใหม่บากบั่นใหม่เอาชีวิตรอดให้ได้ มีเพื่อนฝูงๆหลายท่านที่กลับไปเยี่ยมประเทศไทยได้ได้โอกาสพบปะสนทนากันเขาถามคำถามว่าผมไม่โกรธเขาหรือที่โดนเขาเตะในสนามฟุตบอล ผมก็บอกไปว่าไม่เคยโกรธทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างมาก สำหรับผมแล้วประเทศไทยเป็นประเทศที่ผมรัก ช่วงเวลาเดียวกันที่เขมรรกรากได้โอกาสได้หวนไปทุกๆสิ่งทุกๆอย่างดียิ่งขึ้นทุกคนรู้เรื่องผมมากยิ่งขึ้นและก็ได้รับการต้อนรับที่ดีให้เกียรติผมมากมายซึ่งผมก็รักราชอาณาจักรกัมพูชาไม่แพ้กัน